ใบงานที่ 3

การพัฒนาของ Power Supply
โดย Power Supply แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ AT และ ATX ซึ้งสำหรับ AT เป็นแบบรุ่นเก่าที่มีสวิชปิดเปิดอยู่ที่ด้านหลัง Power Supply แต่มีปัญหาเวลาปิดเปิดที่สวิช เพราะบางครั้งอุปกรณ์ต้องการไฟจ่ายเลี้ยงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จึงพัฒนามาสู่ ATX ที่สามารถจ่ายไฟได้สม่ำเสมอกว่า โดย รุ่น ATX จะมีส่วนปิดเปิดต่อตรงเข้ากับเมนบอร์ดจึงทำให้ไฟที่ส่งเข้าอุปกรณ์ต่างๆ ที่ยังคงใช้งานอยุ่ได้รับไฟอย่างสม่ำเสมอมากกว่าแบบ AT โดยประเภท Power Supply มีรุ่นอยู่ 3 รุ่นดังนี้ ATX 2.01 แบบ PS/2 , ATX 2.03 แบบ PS/2 และ ATX 2.01 แบบ PS/3วิธีตรวจเช็ค Power Supply
เมื่อมีอาการเปิดคอมพิวเตอร์ไม่ติด Power Supply เป็นสิ่งแรกๆที่เราควรจะตรวจเช็คว่าทำงานไหม ปกติหรือไม่ Power Supply ที่อยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งาน อาจจะให้อุปกรณ์อื่นๆในคอมพิวเตอร์เสียหายได้ โดยเฉพาะ Harddisk ดังนั้นการหมั่นตรวจสอบสภาพของ Power Supply อยู่เสมอ ถ้าพบว่าเสียหายควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนตัวใหม่วันนี้ผมจะสอนการตรวจเช็ค Power Supply เบื้องต้น เป็น Power Supply แบบ ATX (แบบที่ใช้ในปัจจุบัน) แค่ให้รู้ว่ามันทำงานอยู่ไหม เพราะบางทีที่คอมเปิดไม่ติดเลยอาจจะเพราะขั้วต่อเข้าเมนบอร์ดหลวมก็เป็นไปได้ วิธีการตรวจสอบง่ายๆ แบบเบื้องต้นนี้จะดูแค่ว่าไฟเข้าไหม ถ้าไฟเข้าพัดลมด้านหลังจะหมุน
ขั้นตอนการตรวจเช็ค Power Supply คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
- ถอดปลั๊กไฟ
- เปิดฝาเคสด้านข้างออก

- ถอดขั้วคอนเน็คเตอร์ที่ต่อเข้าเมนบอร์ด (ขั้วที่มีสายไฟเยอะๆ) ออก

- มองสายไฟสีเขียวและสีดำ
- ใช้ลวดหรือสายไฟต่อระหว่างสายไฟสีเขียวและสีดำ

- เสียบปลั๊กไฟเข้า Power Supply
- สังเกตดูที่พัดลมว่าหมุนไหม
- ถ้าพัดลมหมุนแสดงว่า Power Supply อาจจะยังใช้งานได้ปกติ ให้ไปตรวจเช็คการเสียบขั้วต่อหรือเมนบอร์ด
- แต่ ถ้าพัดลมไม่หมุน แสดงว่า Power Supply ไม่ทำงานแน่นอน ซึ่งถ้าใครเป็นช่างก็ให้เช็คที่ Fuse,Bridge,Switching หรือ IC Regulator เป็นต้น
- ส่วนคนที่ซ่อม Power Supply ก็จัดการซื้อมาเปลี่ยนได้เลย โดยดูค่าต่างๆ เช่น กำลังไฟฟ้า, แรงดัน และกระแสไฟ เป็นต้น ค่าเหล่านี้จะอยู่ที่ฉลากข้างตัว Power Supply ทุกตัว
ดำ + ดำ = 0 V
ดำ + แดง = 5 V
ดำ + ขาว = -5 V
ดำ + น้ำเงิน = -12 V
ดำ + ส้ม = 5 V
ดำ + เหลือง = 3.3 V
ดำ + น้ำตาล = 12 V

โดยรูปแบบ PSU ที่เราใช้ใสเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ ATX หรือชื่อเต็มๆว่า Advanced Technology eXtended ซึ่งเป็นรูปแบบของเพาเวอร์ซัพพลายที่มีมานานมากแล้ว โดยพัฒนากันมาตั้งแต่ปี 1995 จนถึงตอนนี้ก็เป็น Advanced Technology eXtended V2.4 ที่มีสายไฟหลักเป็น ATX 24Pin สำหรับจ่ายไฟให้ Mainboard แต่หลักๆเลยเราจะใช้งานกันแค่ 3 สีเท่านั้น ได้แก่ 3.3V 5V และ 12V ที่เป็นสายสี ส้ม แดง และเหลือง ตามลำดับ โดยสายสามสีนี้จะทำงานควบคู่กันกับสายไฟ "สีดำ" ที่ทำหน้าที่เป็น Ground ตามหลักการทำงานของไฟ DC หรือไฟกระแสตรง ที่ต้องมี่ + และ - จึงจะจ่ายไฟเข้าสู่อุปกรณ์ได้นั่นเองครับ (อธิบายง่ายๆแล้วกัน อันที่จริงมึนลึกกว่านี้ครับ)

PSU ทุกวันนี้ก็มีกันทั้งรุ่นที่ถอดสายได้ (จะนิยมเรียกว่า PSU แบบถอดสายได้ว่า "Modulars" )
และถอดสายไม่ได้ในรุ่นที่ต้นทุนไม่สูง มีหัว Connectors สีแตกต่างกันออกไป แต่หลักๆจะมี Connector มาให้เหมือนๆกัน
ได้แก่ ATX 24PIN , 4+4 หรือ 8Pin , 6PIN PCIe ,6+2PIN PCIe , 8 PIN PCIe , SATA , Molex และ FDD เป็นต้น
![]() |
12V ค่า Error ไม่เกิน 10% (11.4-12.6V) |
![]() |
5V ค่า Error ไม่เกิน 5% (4.75-5.25V) |
![]() |
3.3V ค่า Error ไม่เกิน 5% (3.135-3.465V) |
![]() |
Ground |
อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น หลักๆระบบจะใช้สายไฟแค่ 3 สีนี้เท่านั้น ได้แก่ 3.3V 5V และ 12V ที่เป็นสายสี ส้ม แดง และเหลือง
ซึ่งทาง Plug Load Solution ได้กำหนดค่า Error ในการจ่ายไฟของแต่ละแรงดันไว้ตามตารางด้านบนครับ
ซึ่งทาง Plug Load Solution ได้กำหนดค่า Error ในการจ่ายไฟของแต่ละแรงดันไว้ตามตารางด้านบนครับ
ATX Connector


ATX Main Connector (24PIN)
|
แผนผังการจัดวางของสายแต่ละเส้น โดยจะมีเป็นสาย สีเขียว สีน้ำเงิน เทา น้ำตาล และ ม่วง เพิ่มเข้ามา สำหรับใช้งานเฉพาะจุด และเพื่อการตรวจเช็คของระบบ ข้อมูลจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/ATX |
![]() |
|
12V สำหรับจ่ายไฟเลี้ยงให้กับ CPU โดยจะมีหลายรูปแบบมาให้ด้วยกัน ตามขนาดการจ่ายไฟของเพาเวอร์ซัพพลายรุ่นนั้นๆ
ในรุ่นเล็กๆ จะมีเป็น 4Pin มาให้เส้นเดียวสำหรับหน่วยประมวลผลที่ไม่กินไฟมากนัก และระดับกลางก็จะเป็น 4+4 หรือ 8 Pin มาให้ ส่วนรุ่นใหญ่ๆ เกิน 1000W ขึ้นไปจะมีเป็น 4+4 หรือ 8Pin มาให้มากกว่า 1 หัว |
ซึ่งสายสีเหลืองเป็นไฟ 12V และสายสีดำเป็น Com หรือ Ground นั่นเองครับ |
![]() |
|
สาย PCI-E จะมี 3 รูปแบบ ได้แก่ 6PIN 6+2PIN และ 8Pin สำหรับจ่ายไฟเลี้ยงให้กับกราฟฟิกส์การ์ด ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีมาให้ในจำนวนที่ต่างกัน ตามขนาดการจ่ายไฟ และรูปแบบการจ่ายไฟ 12V |
แผนผังของหัว 8PIN PCIe หลักๆจะเน้นใช้เป็นไฟ 12V และเพิ่ม Ground มาอีก 2 เส้นเพราะจะใช้กระแสไฟมากกว่า 6PIN ซึ่งจะขึ้นอยู่กับอัตราการกินไฟของกราฟฟิกส์การ์ดด้วย |
![]() |
|
หัว SATA จะซับซ้อนมากกว่าหัวอื่นๆ
ใช้ทั้งไฟ 12V 5V และ 3.3V เพื่อจ่ายไฟไปยังฮาร์ดดิสก์ และ SSD
รวมไปถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ใช้เป็นหัวแบบนี้
|
PIN ของหัว SATA จะละเอียดมาก 12V 5V 3.3V จำนวน 3 PIN สลับกันกับ COM หรือ Ground |

![]() |
|
หัว Molex หรือบางคนจะเรียกว่า PATA ซึ่งย่อมาจาก Parallel Advanced Technology Attachment
จะนิยมใช้กับ Harddisk รุ่นเก่า และอุปกรณ์บางชิ้นในปัจจุบัน จะมีไฟ 12V กับ 5V มาให้อย่างละเส้น |
จะมีไฟ 12V กับ 5V มาให้อย่างละเส้น |
สำหรับใครที่อยากวัดว่าเพาเวอร์ซัพพลายของเรา จ่ายไฟให้อุปกรณ์แต่ละชิ้นเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ สามารถวัดได้ทั้งบน Software และในหน้า BIOS แต่ต้องบอกก่อนว่ามันจะไม่ตรงกับความเป็นจริงครับ ที่ชัวร์ที่สุดคือวัดแบบต่อตรงขณะใช้งานจริงเลย โดยการใช้ Volt Meter ปรับเป็นการวัดไฟแบบ DC แล้วนำสายสีแดงจิ้มไปที่สายที่เป็นสีๆ ที่เราอยากจะวัด และสายสีดำต่อเข้ากับ Ground เส้นที่คู่กัน (อันที่จริง Ground เส้นไหนก็ได้) | ก็จะได้ไฟออกมาแสดงผลบนหน้าจอของ Volt Meter แล้วทำการเทียบกับตารางแรกด้านบนว่าจ่ายได้ตามมาตฐานหรือเปล่า ถ้าน้อยไปหรือมากเกินไฟ แนะนำให้ส่งเคลมครับ ไม่อย่างงั้นจะพาเอาอุปกรณ์ตัวอื่นลาโลกไปก่อนวัยอันควร แต่ส่วนมากจะหมดประกันก่อนไฟดรอป เพราะเพาเวอร์ซัพพลายส่วนใหญ่ แบรนด์ดังๆ จะทำการทดสอบการจ่ายไฟก่อนออกจากโรงงานมาแล้วทุกตัวครับ อายุการใช้งานก็จะอยู่ที่ 3-5 ปีในรุ่นล่างๆ และเป็น 10 ปีในรุ่นที่กำลังกายจ่ายไฟสูงๆ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น